ข้อมูล คือ ปริมาณรายละเอียดของเหตุการณ์หรือความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันรอบๆ ตัวเรา เช่นข้อมูลบุคคล ข้อมูลสินค้า ข้อมูลคนไข้ ในชีวิตประจำวัน เราต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลตลอดเวลา ข้อมูลมีหลายชนิดทั้งที่เป็นตัวเลข เป็นข้อความ เป็นเสียงหรือเป็นภาพ ซึ่งเราสามารถรวบรวมข้อมูลได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ
ข้อมูลมีหลายประเภท ดังนี้
1. ข้อมูลที่เป็นตัวอักษร คือข้อมูลที่ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขที่ใช้ในการคำนวณ ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน
ทะเบียนรถยนต์ ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ บ้านเลขที่ เป็นต้น
2. ข้อมูลที่เป็นตัวเลข คือข้อมูลที่ประกอบไปด้วยตัวเลข 0 ถึง 9 ใช้ในการคำนวณได้ เช่น คะแนน จำนวนเงิน ราคาสินค้า เป็นต้น
3. ข้อมูลภาพ คือข้อมูลที่เป็นภาพอาจเป็นภาพนิ่ง เช่นภาพถ่าย ภาพวาด
ภาพเคลื่อนไหว เช่นภาพจากวีดิทัศน์ เป็นต้น อาจเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หรือแผ่นซีดี
ในแผ่นกระดาษ เป็นต้น
4. ข้อมูลเสียง คือข้อมูลที่รับรู้ด้วยการได้ยิน จัดเก็บข้อมูลในสื่อคอมพิวเตอร์
สามารถแสดงผลข้อมูลเสียงด้วยเครื่องขยายและลำโพง
ข้อมูลที่ใช้ในชีวิตประจำวันมีมากมาย การใช้ประโยชน์จากข้อมูล เช่น ข้อมูลของภูมิอากาศ เมื่อนำมาประมวลผลแล้วจะใช้เป็นประโยชน์ด้านการพยากรณ์อากาศ
ข้อมูลด้านประชากรสามารถนำมาวางแผนในการพัฒนาประเทศ ข้อมูลด้านการเงินนำมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์เราใช้ในการวิจัย เป็นต้น
แหล่งข้อมูลโดยทั่วไป เราสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. แหล่งปฐมภูมิ หรือแหล่งข้อมูลเบื้องต้น เป็นแหล่งข้อมูลที่ได้มาจากการสอบถามผู้รู้ข้อมูลที่เราต้องการจะรู้โดยตรง
2. แหล่งทุติยภูมิ หรือแหล่งข้อมูลขั้นที่ 2 เป็นแหล่งข้อมูลที่ผู้อื่นเก็บรวบรวมไว้ก่อนแล้ว เช่น ข้อมูลจากหน่วยต่างๆ ข้อมูลจากผลการวิจัย เป็นต้น
วิธีการบันทึกข้อมูล
เครื่องมือที่สำคัญที่ช่วยในการบันทึกและรวบรวมข้อมูล คือ การบันทึก อาจจะใช้วิธีจดด้วยการเขียนทีจะได้ในรูปแบบตัวอักษร การบันทึกในแถบบันทึกเสียงจะเป็นการบันทึกด้วยเสียง หรือบันทึก วิดีโอ จะเป็นการบันทึกด้วยเสียงและภาพ เป็นต้น
การเก็บข้อมูล
ในการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ นั้น กระทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะของแหล่งข้อมูลเราสามารถแบ่งวิธีการรวบรวมข้อมูลได้ ดังนี้1. การเก็บข้อมูลโดยการสอบถาม วิธีนี้ผู้รวบรวมอาจใช้วิธีสอบถามหรือสัมภาษณ์ จากผู้รู้ที่เป็นแหล่งข้อมูลที่เราต้องการ หรือจะสอบถามโดยการใช้แบบสอบถามก็ได้
2. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร วิธีนี้ผู้รวบรวมสามารถหาเอกสารที่เป็นแหล่งข้อมูลได้มากมาย เช่น หนังสือ วารสาร สิ่งพิมพ์ต่างๆ
3. การเก็บข้อมูลโดยการสังเกตการณ์ วิธีนี้ผู้รวบรวมข้อมูลจะต้องเข้าไปเฝ้าสังเกตการณ์ต่างๆ เช่น นักข่าวไปเฝ้าการชุมนุมประท้วง
คุณภาพของข้อมูล
การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์นั้น ข้อมูลจะต้องมีความถูกต้องและเชื่อถือได้ ดังนั้นข้อมูลที่ดีมีคุณภาพ ควรมีคุณสมบัติ ดังนี้1) มีความถูกต้อง ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริง
2) สามารถตรวจสอบได้ มีแหล่งข้อมูลที่อ้างอิงได้
3) มีความเป็นปัจจุบันทันต่อเรื่องราว และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง
4) มีความครบถ้วนสมบูรณ์ และมีความชัดเจน
คุณภาพของข้อมูล ขึ้นอยู่กับผู้ที่รวบรวมข้อมูลด้วย หากผู้เก็บรวบรวมข้อมูลขาดความซื่อสัตย์ทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่รวบรวมมา ก็จะทำให้ข้อมูลนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง ส่งผลถึงการนำไปใช้งาน
การรวบรวมข้อมูล
การรวบรวมข้อมูลควรเริ่มด้วยการพิจารณาจากแหล่งข้อมูลที่หาได้ง่ายรวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายน้อยก่อน ถ้าไม่เพียงพอจึงพิจารณาจากแหล่งข้อมูลอื่นต่อไป
การรวบรวมข้อมูลส่วนใหญ่ มักศึกษาจากหลักฐาน เอกสาร รายงาน และสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เมื่อศึกษาแล้วต้องนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และสรุป เพื่อเตรียมให้พร้อมก่อนนำไปใช้ประโยชน์
การรวบรวมข้อมูลทำได้หลายวิธี ดังนี้
1. การสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น สอบถามจากพนักงานขาย ว่า สินค้าประเภทไหน ขายได้มากน้อยเพียงใด เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนการผลิตและการตลาด
2. การบันทึกข้อมูลจากบันทึกหรือเอกสารของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น
2 หน่วยงานของรัฐบาล กระทรวง กรม รัฐวิสาหกิจ มีข้อมูลเกี่ยวกับ
ระเบียบข้อบังคับ ข่าวสาร สถิติ ที่เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
อย่างดี
2 สมาคมการค้า เช่น สมาคมหอการค้าไทย สมาคมอุตสาหกรรมไทย สมาคมผู้ค้าภูมิภาค จะมีข้อมูลเกี่ยวกับสถิติ ข่าวสาร ราคาของสินค้าซึ่งเป็นแหล่งข่าวที่ดีสำหรับสมาชิก
3. การอ่านและศึกษาค้นคว้า โดยเข้าห้องสมุดของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลจากสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เช่น ตำรา เอกสาร หนังสือพิมพ์ วารสาร หรือเอกสารการวิจัยต่าง ๆ เป็นต้น
4. การค้นหาข้อมูลจากดินเทอร์เน็ต ซึ่งจะมีข้อมูล ข่าวสารในด้านต่าง ๆ ให้ค้นคว้าได้อย่างรวดเร็ว และเป็นข้อมูลที่ทันสมัยที่สุด
5. การเข้าร่วมในเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น การเข้าร่วมประชาพิจารณ์
6. การฟังวิทยุและดูโทรทัศน์ เช่น ข่าวสาร สารคดี เป็นต้น
การประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
ข้อมูลที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรามีจำนวนมาก ในการใช้งานจึงต้องมีการประมวลผลเพื่อให้เกิดประโยชน์ตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล การแยกแยะ การตรวจสอบความถูกต้องการคำนวณ การจัดลำดับ การรายงานผล รวมถึงการสื่อสารข้อมูลหรือการแจกจ่ายข้อมูล
สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลง หรือมีการประมวล หรือวิเคราะห์ผลสรุปด้วยวิธีการต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กันมีความหมาย และมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งสามารถเขียนเป็นแผนภูมิได้ ดังนี้
|
|
|
คุณสมบัติของข้อมูลสารสนเทศที่ดี
1. มีความสมบูรณ์ถูกต้อง และเชื่อถือได้
2. มีความเป็นปัจจุบันและทันต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
3. มีความเกี่ยวข้องในเรื่องราวที่ต้องตัดสินใจ
4. มีความสะดวกในการค้นหา
5. มีความชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อน
ประโยชน์ของข้อมูลสารสนเทศ
1. ใช้ในการวางแผนการบริหารงาน
2. ใช้ประกอบการตัดสินใจ
3. ใช้ในการควบคุมสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
4. เพื่อให้การบริหารงานมีระบบ ลดความซ้ำซ้อน
ระบบสารสนเทศ หมายถึง กระบวนการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อกระทำให้เป็นสารสนเทศ การจัดเก็บและการนำเสนอสารสนเทศให้เป็นปัจจุบันทันตอเหตุการณ์
การใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผล จากข้อมูลเป็นสารสนเทศ
การใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผล จากข้อมูลเป็นสารสนเทศ จะแบ่งออกเป็น 2 วิธี
1. การประมวลผลแบบตรง
2. การประมวลผลแบบกลุ่ม
การประมวลผลแบบตรง
การประมวลผลแบบตรง หมายถึง การประมวลผลโดยทันที่ที่มีการส่งข้อมูลเข้าไป เช่น ตู้เอทีเอ็ม การสั่งงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่การเปิดโทรทัศน์ การกดปุ่มพัดลม โดนคอมพิวเตอร์จะทำงานทันที่ที่มีการสั่งงาน
การประมวลผลแบบกลุ่ม
การประมวลผลแบบกลุ่ม จะเป็นการประมวลผลเป็นครั้งๆ ในเรื่องที่สนใจ เช่น ต้องการทราบแนวโน้มจำนวนเงินที่ใช้จ่ายของวัยรุ่นยุคนี้ จึงจัดทำแบบสำรวจ จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ และออกมาเป็นผลของการประมวลผล เช่น โพล (Poll)
อุปกรณ์ที่ใช้จัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์
1. แผ่นดิสก์ 2. ฮาร์ทดิสก์ 3. แผ่นซีดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น